JOURNEY WITH ME : KANCHANABURI 1-2 SEP 2018

สวัสดีค่า 😃
ไม่ได้อัพบล็อคแบบนานมากๆ หลังจากที่อัพบล็อคทริปที่แล้ว (ก็ผ่านมานานมากแล้ว5555)
ล่าสุดคือเรียนจบแล้ว และก็มีโอกาสไปเที่ยวมาหลายๆที่ ซึ่งอยากอัพมากกก แต่เพิ่งมีเวลาแบบจริงจัง!

สำหรับทริปนี้ เราไปกาญจนบุรีกัน ซึ่งตอนที่ไปคือทำงานประจำอยู่ เลยไปได้แค่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์
เข้าใจวิถีมนุษย์เงินเดือนมากสุดไรสุด เงินออกปุ๊ป ไปเลยจ้า555

จองโรงแรมไว้ล่วงหน้าสำหรับวันที่ 1-2 กันยายน โดยจองจาก Agoda เดี๋ยวเราจะไปพูดถึงกันทีหลังเนอะ👄

หลังจากเลิกงานวันศุกร์หรรษานั้น เราก็กลับบ้านมาเตรียมของกันค่ะ
รอเวลาออกจากบ้าน ทริปนี้เราขับรถส่วนตัวไปกันกับแฟน ออกจากบ้านประมาณ 12.30 AM
หรือเที่ยงคืนวันที่ 1 กันยา เราคำนวณเวลาไว้ว่าจาก นนทบุรี ถึง สังขละบุรี ประมาณ 5 ชั่วโมง
สำหรับขาไปนั้น เรามีหน้าที่หลับอย่างเดียวค่ะ55555

มาถึงสังขละ ประมาณเกือบ 6 โมงเช้าเตรียมใส่บาตรกันเลย

ในวันที่ไปก็จะเป็นช่วงที่น้ำเยอะ น้ำในแม่น้ำสูงเกือบถึงสะพาญมอญ และเป็นหน้าฝน เราไปก็เจอฝนค่ะ
แต่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ซึ่งเราชอบมากๆ บรรยากาศครึ้มฝน รู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูดเราอย่างบอกไม่ถูก

ใส่บาตรเรียบร้อย เราก็เดินไปยังสะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือสะพาญมอญนั่นเอง
เป็นครั้งที่สองแล้วที่มาเที่ยวสะพาญมอญ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ชอบมากๆ คนไม่เยอะเกินไป

อากาศตอนนั้นค่อนข้างเย็น เย็นแบบชื้นๆ

พอเราเดินเข้ามาที่สะพาน จะมีเด็กที่เป็นชาวบ้าน พูดไทยไม่ค่อยชัด น้องจะมาอาสาเป็นไกด์

แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปน้องมา ถ่ายแต่วิดีโอ ฟังน้องเล่าประวัติอย่างเดียวเลย

น้องจะพูดประวัติของสะพานไปด้วย เราก็เดินไปเรื่อยๆ จบท้ายด้วยชวนนั่งเรือท่องเที่ยวชมวัด

เราก็ได้ให้ทุนการศึกษาน้องไปเล็กน้อย (น้องพูดเป๊ะมากจริงๆ ถึงภาษาไทยจะฟังยากหน่อยๆ555)

เราเดินไปถึงสุดสะพานอีกฝั่ง และเลือกที่จะนั่งเรือเที่ยวไปชมวัดค่ะ เพราะยังไม่เคยนั่งเลย

แต่เนื่องจากระดับน้ำนั้นสูงมาก ทำให้เห็นได้ไม่หมดทุกวัด และราคานั่งเรือก็ลดลงมาจากปกติด้วย

จะเห็นได้ชัดเลยว่าระดับน้ำค่อนข้างสูงมาก

การล่องเรือชมวัดจะมี 3 วัดด้วยกัน คือ วัดวังก์วิเวการาม วัดสมเด็จ และ วัดศรีสุวรรณ

ซึ่ง วัดวังก์วิเวการาม จะเห็นแค่ส่วนหลังคานิดหน่อย และหอระฆังเท่านั้น

วัดศรีสุวรรณ จมเลยค่า ไม่สามารถมองเห็นได้เลย เสียดายมาก😭

วัดสมเด็จ เป็นวัดเดียวที่เดินขึ้นไปชมได้

ค่าล่องเรือครั้งนี้จ่ายไป 300 บาทค่ะ

ท้องฟ้าครึ้มมาก ใช่ค่ะ ฝนกำลังจะตกแล้วค่า 5555

วัดวังก์วิเวการาม เห็นแค่นี้เองค่ะ เสียดายมากสุด

ในภาพคือฝนตกแล้วค่ะ โชคดีมากที่ตกไม่แรง แต่อากาศตอนนั่งเรือคือหนาววววว

ยังได้เห็นหอระฆังอยู่ค่า เย่😊

หลังจากนั้นเราก็ไปแวะที่ วัดสมเด็จ สามารถเดินขึ้นบันไดไปได้ มีเด็กๆมาอาสาเป็นไกด์อีกแล้ว

เราก็โอเคนะ เพราะเราจบการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรมมา เลยค่อนข้างสนับสนุนอะไรแบบนี้ อิอิ

น้องๆเป๊ะเรื่องประวัติวัดกันมาก ครั้งนี้น้องมา 2 คน เลยให้แบ่งค่าขนมกันคนละครึ่ง 55555

และไม่ได้ถ่ายรูปน้องมาอีกแล้ว รวมถึงวัดด้วย รูปตรงช่วงนี้น้อยมาก เนื่องจากฝนนั่นเองค่าา

วัดสมเด็จ ด้านนอก ชอบความที่มีรากต้นไม้เกาะตัวโบสถ์

ชมวัดสมเด็จเรียบร้อย รีบกลับไปขึ้นเรือกลับสะพาญมอญ และฝนนางก็หยุด

ต่อไปเราต้องหาของกินกัน ไปจบที่ร้านโจ๊ก ซึ่งมารอบที่แล้วก็มาร้านนี้

ค่าเสียหาย 2 คนประมาณ 100 บาทนิดๆ

และตอนที่เรากำลังนั่งทานอาหารเช้า ฝนตกจ้า ตกแบบหนักมากเวอร์

โชคดีมากที่ไม่ตกตอนนั่งเรือ ไม่อยากจะคิดเลย 55555

ต้องรอฝนเบาลง แต่ก็ยังไม่หยุดดี

ก่อนกลับก็ย้อนกลับไปถ่ายสะพานมอญ เวอร์ชั่นเปียกฝน

หลังจากนั้นเราก็ขับออกจากสังขละ เพื่อกลับเข้าเมืองกาญจนบุรีกันค่ะ

ออกจากสังขละ ประมาณ 9 โมงเช้า
สลับขับกับแฟน ให้เค้านอนพักบ้าง เดี๋ยวไปตายอีกทีตอนถึงโรงแรมละกัน

ระหว่างทางคือเจอฝนเรื่อยๆเลย ตั้งแต่เบาๆ ถึงหนักขั้นสุด💦

ทำให้ต้องขับแบบระมัดระวังมากๆ เลยกินเวลาไปเยอะเลย และก็ไม่ได้แวะเที่ยว เพราะคุณฝนนั่นเอง

และที่ที่เราตัดสินใจแวะคือ ถ้ำกระแซ จ้า

ฝนก็ยังตกอยู่นะ ก็เลยนั่งรอบนรถแปปนึง พอฝนหยุดเท่านั้นแหละ ความแดดมาแบบรุนแรงม๊ากกกก

แปะภาพตัวเองไป 1 ที
สามารถสัมผัสความร้อนได้จากหน้าตาในภาพ💥

มาเจอรถไฟมาพอดิบพอดี แต่ตอนนั้นคือ ไม่ไหวแล้ว น้องยืนอยู่ต่อไปไม่ไหวจริงๆ

รถไฟผ่านไป เดินกลับค่า พอแล้ววว55555

เอาจริงๆนะ เดินกลับไป คือไม่บอกไม่รู้หรอกว่าฝนเพิ่งตกไป แห้งไวมากกกก

สำหรับถ้ำกระแซนั้น มีเท่านี้ค่ะ ตั้งใจจะเดินไปทางรถไฟสายมรณะ แต่ว่าไม่ไหวจริงๆ

เดินกลับขึ้นรถ มุ่งหน้าเข้าเมืองกันต่อไปจ้า..

พอเข้าเมือง ก็ตั้งใจจะไปโรงแรมเพื่อเช็คอินก่อน

โรงแรมที่เราจองคือ เดอะ กลอรี่ ริเวอร์แคว โฮเต็ล (The Glory River Kwai Hotel)

จองผ่านทาง Agoda เป็นห้องดีลักซ์ พร้อมอาหารเช้า

สิ่งที่ชอบของโรงแรมนี้คือ อยู่ริมแม่น้ำ และทุกห้องจะมองเห็นวิวแม่น้ำค่ะ

ด้านหน้าทางเข้าโรงแรม

ที่จอดรถน้อยไปหน่อย ถ้ามีคนพักเยอะๆ ในรูปคือตอนเข้าเช็คอิน มีรถอยู่แค่ 2-3 คันเอง

แต่ตอนดึกๆกลับมา แทบไม่มีที่จอดแล้วง่ะ

ทางเข้าด้านในโรงแรมผ่าน Reception

ถัดจาก Reception มาเจอทางเดิน

ชอบการตกแต่งของที่นี่ จะเป็นแนวคุมโทน น่ารักดีนะ

ห้องอาหาร

สามารถมองเห็นแม่น้ำได้เลย

สระว่ายน้ำ ติดกับแม่น้ำ วิวให้เต็ม 10 ไปเลย

พร้อมสัมผัสกับความแรงของแดดอีกครั้ง 5555555

ออกมาทางแม่น้ำจะมีท่าน้ำ และเฉลียงแบบนี้

สามารถมานั่งรับประทานอาหารเย็นตรงนี้ได้เลย โดยไปแจ้งกับทางโรงแรม

ส่วนตัวไม่ได้มาทานตรงนี้ น่าเสียดายอีกแล้ววว😣

ไปดูห้องกันเลยค่า

เปิดเข้ามาก็จะเป็นห้องน้ำทางซ้ายมือ

มีทุกอย่างครบตามมาตรฐานโรงแรม พร้อมไดร์เป่าผม

แต่ผนังกระจกตรงที่อาบน้ำ แอบบางนิดนึง ถ้ามากับเพื่อนๆอาจจะมีอายๆหน่อย ตอนอาบน้ำ555

ถัดมาเป็นมินิบาร์ และตู้เย็นจิ๋วๆ

เตียงนอนคือดีมากกกกกก

ระเบียงจะมีชุดโต๊ะ เก้าอี้ให้นั่ง หาเบียร์มาดื่มชิวๆ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

วิวจากห้องนอนค่า
เป็นชั้น 2 ค่ะ เลยอยู่ติดต้นไม้ไปหน่อย

อันนี้เป็นภาพตอนที่ยืนที่ท่าน้ำ และหันหน้าเข้าหาโรงแรม

ภายนอกเหมือนจะเก่าๆหน่อย แต่ก็ยังสวยอยู่น้า

หลังจากเราเอาของเข้าห้องเรียบร้อย ก็ออกไปหาร้านกินข้าวกลางวันกัน
คือแบบหิวมากกกก มื้อสุดท้ายที่กินกันคือที่ร้านโจ๊กนั่นเอง ตอนนี้ก็ประมาณบ่าย 2 ครึ่ง จะบ่าย 3
หิวกันสุดๆ รีบออกไปหาอะไรกินแบบรวดเร็ว

ร้านที่ได้เป็นร้านที่ไม่ไกลจากที่พักค่า คือ ร้าน บ้านสวนบัว Steak & Restaurant

เป็นร้านออกแนวคาเฟ่ จะมีทั้งห้องแอร์ และที่นั่งด้านนอก
ส่วนตัวเลือกนั่งห้องแอร์ เพราะความร้อนแบบสุดขั้วในตอนนั้นแหละ
บรรยากาศในร้านน่ารักดีนะ ชอบ คนไม่เยอะ เพราะน่าจะเลยช่วงอาหารกลางวันไปแล้ว

ด้วยความที่หิวกันสุดๆ รีบสั่งค่า
สิ่งที่ชอบคือ ชาไทย ถูกปากเรามาก เป็นคนที่ชอบดื่มพวกชาไทย ชาเนสที อะไรประมาณนี้

ถามว่าอิ่มมั้ย บอกเลยว่า มาก! อาหารก็อร่อยค่ะ ให้คะแนนปริมาณเต็ม 10 นางเยอะมากจริง
ค่าเสียหายร้านนี้ 470 บาทค่า


หลังจากอิ่มกันแล้ว กลับห้องค่ะ ร่างกายต้องการพักผ่อน เพราะเหนื่อยจากการขับรถ
แฟนก็เหนื่อยเพราะได้งีบไปนิดเดียว เราก็ง่วง

ถึงห้องปุ๊ป ชาร์จแบตทุกสิ่งอย่าง และนอนค่ะ 😴😴




สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เรานอนกันจนถึง 3 ทุ่ม!!!
ตั้งใจว่าตอนเย็นอาจจะลงมาดินเนอร์ที่เฉลียงริมน้ำของโรงแรม
หรือไม่ก็ไปเดินถนนคนเดิน พังหมดจ้าาาา แง่

สิ่งที่ทำได้คือ ว่าจะไปร้านเหล้า หรือร้านนั่งชิว สุดท้าย ออกไปจบที่ร้านจิ้มจุ่ม อาหารอีสาน 55555555
มีรูปแถมมา 1 รูป ถ่ายจากไอโฟนจ้า

ค่าเสียหายก็ไม่น้อยนะ 430 บาทจ้าา งุ้ยย นี่คือทริปกินสินะ55555


กินเสร็จก็ไม่มีอะไรทำละ เพราะดึกละ ขับรถเล่นแปปนึงก็กลับโรงแรมค่า
พักผ่อน ดูหนัง และก็นอน...






ตัดภาพไปที่ตื่นนอนตอนเช้า วันที่ 2 กันยา 😋😋😋
คือถ้าเราไปพักโรงแรมหรือที่พักที่ไม่มีอาหารเช้า เราจะตื่นกันแบบ 10-11โมง ละเช็คเอ้าท์เที่ยงพอดี

แต่! เมื่อมีอาหารเช้า เราก็จะต้องตั้งปลุกแบบ แกต้องตื่นนะ ถ้าไม่ตื่นนี่คือหมดเลย หมดกันความคุ้ม
และเราก็ลงไปทานอาหารเช้ากันประมาณ 8.45 น.

เป็นบุฟเฟ่ต์จ้า

ห้องอาหารก็จะมองเห็นวิวแม่น้ำ
ชอบมากๆ

ทั้งข้าว ทั้งขนม ซีเรียล กินทุกอย่าง ไปให้สุดสิคะ 555555
พออิ่มเราก็ขึ้นห้อง

สิ่งที่เรายังไม่ได้ทำคือ เล่นน้ำในสระ ใช่ค่ะ เราเตรียมชุดว่ายน้ำมา เราจะพลาดไม่ได้
ติดอย่างเดียว แดดร้อนแบบโคตรร้อนนนน ถ้าเราเป็นน้ำแข็งคงแบบ ละลายใน 1 วิ เป็นน้ำไปค่ะ

แต่เราก็จะว่าย เพราะเราต้องการรูปในสระน้ำค่ะ555555

ในห้องจะมีชุดคลุมอาบน้ำให้ 2 ตัวค่ะ หลังจากเรารอย่อยกันซักพักนึง เราก็ลงไปสระกัน
ตอนนั้นประมาณ 10 โมงเช้า แดดเปรี้ยง

แต่เราต้องได้รูป เริ่ม!!!!!

ลงแค่หันหลังพอ555555
ความผู้หญิงอ่ะเนอะ ชุดว่ายน้ำใหม่ มันก็ต้องถ่ายอัพไอจี ถูกมะ😌

เราเล่นน้ำกันแค่แปปเดียวแหละ เพราะทนแดดไม่ไหวละ เอาแค่นี้ยังดำเป็นรอยชุดว่าน้ำ5555
ขึ้นห้องก็อาบน้ำ เก็บของ เช็คเอ้าท์ค่า



ออกจากโรงแรมวันนี้ ที่เราจะไปกันคือ ต้นจามจุรียักษ์
เราไปถึงกันประมาณ 12.40 น.

เราไม่ค่อยอินกับการถ่ายรูปต้นไม้เท่าไหร่ แต่ชอบนั่งมองมากกว่า
เราเดินดูกันไม่นาน คนเริ่มมาเยอะเพราะเป็นช่วงเวลาเช็คเอ้าท์ออกมากันแล้ว



ต่อไปเราตั้งใจจะไป มีนาคาเฟ่ คือมาเที่ยวกาญจนบุรีนี่ต้องไม่พลาดใช่มะ เราก็เลยโอเคดีล ไปกัน

สิ่งที่พบคือความร้อนนน และคนล้นร้านจ้า
น้องไม่ไหวแล้ววววว เข้าไปเดินดูนิดหน่อยก็ออกเลย ไปหาร้านอื่นดีกว่า55555
สุดท้ายเราก็ได้ภาพมาแค่วิวจากทางร้าน ที่มองเห็นวัดถ้ำเสือค่ะ

พอเราออกจากมีนา เราก็ตัดสินใจย้อนกลับไปร้านที่เราขับผ่านมา
คือร้าน  Kantana Movie Cafe Food & Beverage
คือไม่เคยรู้จักร้านนี้ ไม่เคยดูรีวิวร้านนี้ แต่เห็นว่าเออร้านก็โอเคอยู่นะ คนก็ไม่เยอะ รถจอด 3-4 คัน
เลยแวะเลย เพราะเอาจริงๆก็หิวกันละ ตอนนั้นเวลา 13.30 น.

ราคาเครื่องดื่ม อาหาร โอเคเลยนะ ไม่แพงมากเกินไป อร่อยดี
สิ่งที่ควรปรับปรุง ก็ตามในรีวิวเพจเลย พนักงานควรปรับปรุง 5555
ค่าเสียหายทั้งหมด 254 บาท



หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็ไม่รู้จะไปไหนละ จะกลับบ้านเลยก็เร็วจัง เลยขับๆหาที่ไปกันต่อ
ซึ่งก็ไปไม่ไกลจากคาเฟ่ เป็นวัดจ้า วัดถ้ำแก้วกาญจนภิเษก

เป็นวัดบนภูเขาลูกเล็กๆ ต้องขับขึ้นเขาไปนิดนึง สามารถดูวิวได้หลายทิศทาง และในวัดมีถ้ำด้วยนะ
ถ้ำแบบถ้ำจริงๆอ่ะ ต้องมุด ต้องลงไปลึกๆ อากาศในถ้ำก็เย็นๆ หายใจไม่คล่องเท่าไหร่
มีประมาณ 4 ถ้ำค่ะ สามารถเข้าชมได้ทุกถ้ำ ถ้าไหว5555 เสื้อผ้าที่ใส่ต้องเอื้ออำนวยด้วยนะ
แต่ข้างในถ้ำสวยอยู่ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะ ถ่ายมาก็เบลอบ้าง เพราะต้องปืนต้องก้ม เหนื่อยจ้าาา

ประทับใจวิวที่วัดมาก เสียดายอากาศร้อนไปหน่อย 💥

หลังจากชมวัดเสร็จแล้วนั้น เราก็ขึ้นรถ เตรียมกลับบ้านกันค่ะ


ก่อนกลับ แวะ วัดถ้ำเสือ ไหว้พระกันอีกรอบนึง
เรานั่งกระเช้าขึ้นไป เพราะไม่มีแรงเดิน555555

ไหว้พระเสร็จเราก็เดินทางกลับบ้านกันค่ะ

โดยรวมแล้วทริปนี้ นอนเยอะไปหน่อย เสียดายถนนคนเดินมากกก คราวหน้าจะไม่พลาดละ
สิ่งที่ชอบคือ สังขละบุรี จ้า เพราะอะไร เพราะว่ามันเป็นบรรยากาศของฝน แบบชุ่มฉ่ำ
ถ่ายรูปออกมาแบบชุ่มชื้น มองละสบายตา อากาศก็โอเคมากๆ มารอบสอง ก็ประทับใจเหมือนเดิม

แนะนำนะ เที่ยวสังขละบุรีหน้าฝน คือมีเสน่ห์สุดๆเลย

โรงแรม เดอะ กลอรี่ ริเวอร์แคว โฮเต็ล (The Glory River Kwai Hotel)
เราให้ 8/10
หักคะแนนจาก ไม่มีโต๊ะเครื่องแป้ง ต้องใช้กระจกในห้องน้ำ
กระจกในห้องมีบานเล็กๆ แคบๆ ส่องไม่สะใจ
อาหารเช้าอร่อย เพียงพอสำหรับแขก
พนักงาน ดีมากกกกกก ยิ้มแย้ม น่ารัก

ยังไงก็ ถ้ามีคนอ่านทริปนี้จบ ก็ขอบคุณมากๆ ที่เข้ามาอ่านกัน หรือมาอ่านแบบไม่ตั้งใจก็แล้วแต่555💓
ยังมีอีกหลายทริป เตรียมมาต่อ ตอนนี้มีเวลาเยอะมาก เพราะล่าสุดเป็นคนตกงานค่ะ ><

จุ้บๆ

กล้องที่ใช้ถ่าย

Canon EOS M10

Nikon D5100

Iphone 6 (1รูป)

สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด

ค่าโรงแรม(จองผ่าน Agoda) 2,019.91 บาท

ค่าแก๊ส+น้ำมัน 1,500 บาท

ใส่บาตร 99 บาท

ให้ทุนการศึกษาไกด์เด็กน้อยที่สังขละบุรี 200 บาท

ค่าเรือ 300 บาท

ค่าอาหารทั้งหมดประมาณ 1,300 บาท

รวมทั้งหมด 5,418.91 บาท

หาร 2 ตกคนละ 2,709.4 บาท

Contact Me

Facebook : https://www.facebook.com/nanaswifty

Twitter : https://twitter.com/nanaswiftks

Instagram : ladynako

E-mail : nn.sakulthong@gmail.com